แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด และส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะต่อโครงสร้างของบ้านเรือนหรือที่อยู่อาศัย การสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวสามารถทำให้เกิดความเสียหายตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงถึงขั้นพังถล่มได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความแรงของแผ่นดินไหว วัสดุที่ใช้ก่อสร้าง และการออกแบบโครงสร้างของบ้าน
1. ความเสียหายต่อโครงสร้างหลัก
เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น โครงสร้างหลักของบ้าน เช่น เสา คาน และผนัง จะต้องรับแรงสั่นสะเทือนโดยตรง หากไม่ได้ออกแบบมาให้สามารถทนแรงเหล่านี้ได้ อาจเกิดการแตกร้าวหรือพังถล่ม ซึ่งนอกจากจะทำให้ทรัพย์สินเสียหายแล้ว ยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้อยู่อาศัยด้วย
2. การแยกตัวของส่วนประกอบอาคาร
แรงสั่นสะเทือนอาจทำให้ส่วนประกอบต่างๆ เช่น กระเบื้องหลังคา บันได หรือฝ้าเพดาน หลุดร่วงลงมา ซึ่งไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ยังเป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่ภายในบ้านในช่วงเวลาเกิดแผ่นดินไหว
3. ความเสียหายต่อระบบภายในบ้าน
ระบบไฟฟ้า ประปา และแก๊สที่ติดตั้งในบ้านอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากแผ่นดินไหว ท่ออาจแตก สายไฟอาจขาด หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ ตามมา
4. การทรุดตัวของพื้นดินและฐานราก
ในบางกรณี แผ่นดินไหวอาจทำให้พื้นดินทรุดตัวหรือเคลื่อนที่ ส่งผลให้ฐานรากของบ้านเคลื่อนหรือเอียง การทรุดตัวนี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อความมั่นคงของอาคาร และอาจต้องรื้อถอนเพื่อสร้างใหม่
แนวทางการป้องกัน
-
การออกแบบโครงสร้างให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้ เช่น การใช้วัสดุยืดหยุ่นหรือการเสริมเหล็กในจุดสำคัญ
-
การก่อสร้างโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและเป็นไปตามมาตรฐานอาคารที่รองรับแรงสั่นสะเทือน
-
การตรวจสอบและบำรุงรักษาอาคารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรงอยู่เสมอ