รู้หรือไม่ ทิศทางแดด ลม มีความสำคัญมากต่อการสร้างบ้าน

การสร้างบ้านสักหลังไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามหรือฟังก์ชันใช้สอยภายในเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยภายนอกที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ ทิศทางแดดและลม หลายคนอาจมองข้ามเรื่องนี้ไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว การวางแผนทิศทางบ้านให้สอดคล้องกับธรรมชาติ จะส่งผลต่อความเป็นอยู่และความสบายของผู้อยู่อาศัยในระยะยาว รวมถึงช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

แดด: แสงสว่างและความร้อน

แสงแดดเป็นสิ่งจำเป็น แต่การได้รับแสงแดดมากเกินไปในบางช่วงเวลาก็อาจทำให้บ้านร้อนจัดได้ โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย ดังนั้นการศึกษาทิศทางแดดจึงเป็นเรื่องสำคัญ

  • ทิศตะวันออก: เป็นทิศที่ได้รับแสงแดดในตอนเช้า แสงแดดช่วงนี้ไม่ร้อนจัดมากนัก เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องรับประทานอาหารที่ต้องการแสงธรรมชาติยามเช้า แต่ถ้าเป็นผนังด้านที่รับแดดเช้าเต็มๆ ก็ควรมีการป้องกันความร้อน เช่น การปลูกต้นไม้บังแดด หรือการใช้ผนังที่มีค่า R-value (ค่าต้านทานความร้อน) สูง
  • ทิศตะวันตก: เป็นทิศที่ได้รับแสงแดดในช่วงบ่ายถึงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่แดดจัดที่สุดและมีความร้อนสะสมสูง การมีผนังหรือหน้าต่างขนาดใหญ่หันไปทางทิศตะวันตกโดยไม่มีการป้องกันที่ดี จะทำให้บ้านร้อนอบอ้าว การออกแบบในส่วนนี้จึงควรเน้นการลดความร้อน เช่น การติดตั้งกันสาดขนาดใหญ่ การใช้ผนังทึบ การเลือกใช้วัสดุกันความร้อน หรือการปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อเป็นร่มเงา
  • ทิศเหนือและทิศใต้: ในประเทศไทย ทิศเหนือและทิศใต้เป็นทิศที่ได้รับแสงแดดน้อยกว่าทิศตะวันออกและตะวันตก ทำให้บ้านไม่ร้อนจัดมากนัก เหมาะสำหรับการวางห้องที่ต้องการความเย็นสบายตลอดวัน หรือการออกแบบช่องเปิดขนาดใหญ่เพื่อรับแสงสว่างโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนมากนัก

ลม: การระบายอากาศและลดความร้อน

ลมธรรมชาติเป็นตัวช่วยสำคัญในการระบายอากาศ ลดความร้อนสะสมในบ้าน และทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบาย การทำความเข้าใจทิศทางลมจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน

  • ทิศทางลมประจำ: ในแต่ละพื้นที่จะมีทิศทางลมประจำที่พัดผ่านตลอดปี โดยเฉพาะในประเทศไทยช่วงฤดูร้อนมักจะมีลมพัดมาจากทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ การออกแบบช่องเปิด เช่น ประตู หน้าต่าง หรือช่องลม ให้สอดรับกับทิศทางลมเหล่านี้ จะช่วยให้ลมสามารถพัดผ่านเข้าสู่ตัวบ้านและไหลเวียนออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การสร้าง Cross Ventilation: หลักการสำคัญคือการสร้างทางเดินของลมให้พัดผ่านจากด้านหนึ่งของบ้านไปยังอีกด้านหนึ่ง (Cross Ventilation) โดยการวางตำแหน่งหน้าต่างหรือช่องลมให้ตรงกัน หรือเยื้องกันเล็กน้อย เพื่อให้ลมสามารถไหลเวียนและนำพาความร้อนและความอับชื้นออกจากบ้านไปได้
  • การหลีกเลี่ยงการบล็อกลม: สิ่งสำคัญคือต้องไม่สร้างสิ่งกีดขวางทางลม ไม่ว่าจะเป็นการวางตำแหน่งอาคารอื่นๆ กำแพงสูง หรือการปลูกต้นไม้ทึบจนเกินไปในทิศทางที่ลมพัดผ่านเข้าสู่บ้าน

ประโยชน์ของการใส่ใจทิศทางแดด ลม ในการสร้างบ้าน

  • ลดภาระเครื่องปรับอากาศ: เมื่อบ้านมีการระบายอากาศที่ดีและไม่สะสมความร้อนมากนัก ความจำเป็นในการใช้เครื่องปรับอากาศก็จะลดลง ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล
  • ประหยัดพลังงาน: การใช้แสงธรรมชาติและลมธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นการลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบ้านสีเขียวและยั่งยืน
  • เพิ่มความสบายในการอยู่อาศัย: บ้านที่เย็นสบาย มีอากาศถ่ายเทดี ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจของผู้อยู่อาศัย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
  • ลดความอับชื้น: การถ่ายเทอากาศที่ดีช่วยลดความอับชื้นภายในบ้าน ป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นไม่พึงประสงค์

บทสรุป

การสร้างบ้านไม่ใช่แค่การก่ออิฐฉาบปูน แต่คือการสร้างพื้นที่ที่อยู่อาศัยร่วมกับธรรมชาติ การคำนึงถึงทิศทางแดดและลมตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ จะช่วยให้บ้านของคุณเป็นมากกว่าแค่ที่พักอาศัย แต่เป็นบ้านที่อยู่สบาย ประหยัดพลังงาน และยั่งยืนอย่างแท้จริง หากคุณกำลังวางแผนสร้างบ้าน อย่าลืมปรึกษาสถาปนิกหรือผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยวิเคราะห์ทิศทางแดดและลมในที่ดินของคุณ เพื่อให้ได้บ้านในฝันที่สมบูรณ์แบบที่สุด

Feel Free to Contact

02-082-6422

atmindhouse@gmail.com

@atmindhouse